วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เคยถามตัวเองมั้ย?? ทำมัยถึงรักเขา

    
"ทำไมถึงรักเขา" คุณเคยถามตัวเองไหม? 


แล้วคุณหาคำตอบให้ตัวเองได้ไหม?
ถ้าคุณตอบว่า "ได้ ที่ฉันรักเขาก็เพราะเขา perfect ออกปานนั้น"
รู้ไว้ด้วยว่า คุณกำลังสร้างเงื่อนไขให้กับความรักของคุณ
การสร้างเงื่อนไขก็คือการสร้าง"ถ้า"ขึ้นมากำกับความรักของคุณ
เช่น -ถ้าเขา perfect ฉันจะรักเขา -ถ้าเขาเรียนเก่ง

ฉันจะรักเขา -ถ้าเขาเข้าใจฉัน
ฉันจะรักเขา -ถ้าเขาน่ารัก ฉันจะรักเขา ฯลฯ เช่นนี้แล้ว
ความรักของคุณก็จะเต็มไปด้วยเงื่อนไข
ซึ่งเงื่อนไขเหล่านั้นก็เป็นสิ่งไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด

ถ้าเงื่อนไขเหล่านี้เปลี่ยนไป
คุณจะยังรักเขาอยู่ไหม

ความรักเป็นสิ่งที่อยู่เหนือเหตุผล ตรรกะ
หรือเงื่อนไขใดๆในตัวของมันเอง

ความรักเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ในตัวของมันเอง
การกำหนดพันธะมากมายให้ความรัก

จะกลายเป็นสิ่งกีดขวางความจริงใจที่คุณจะแสดงออกมา
ความรัก นอกจากจะไม่มีเงื่อนไขแล้ว

ก็ไม่ควรมีความคาดหวังด้วยเช่นกัน
เพราะความคาดหวังก็เป็นการสร้างเงื่อนไขอย่างหนึ่ง
เรามักคาดหวังให้คนที่เรารักมีคุณสมบัติตามที่เราต้องการ
เรามักมีความคาดหวังให้เขาดีพร้อมสำหรับเราเสมอ
แต่เราอาจลืมไปว่า ในขณะที่เราคาดหวังว่าคนที่เรารักจะต้องเป็นอย่างที่ถูกใจเรา
แต่เราก็อาจจะเป็น Mr. หรือ miss 100% right ของคนๆนั้นเสมอไป
เราลืมไปว่า ...

คนๆนั้นก็คาดหวังต่อเราเช่นกัน ทั้งเงื่อนไขและความคาดหวังต่างๆ........                         

                                                                         ขอบคุณข้อมูลจาก
                                              


หากรักคัยสักคนก็บอกเขาไปเลย

   "...if you love some somebody, Tell them..." 
หากคุณรักใครสักคน ก็บอกเขาไปเสียเถอะ คุณว่าจริงไหม?
เวลาที่คุณมีความรู้สึก"พิเศษ"กับใครคนหนึ่ง
คุณมักจะรู้สึกอิ่มเอมอยู่ในใจเสมอเมื่อได้คุยหรือเพียงเห็นหน้าคนๆนั้น
แต่หลายคนก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้

ไม่กล้าบอกออกไปด้วยความ"อายหรือกลัว"
บางคนกลัวว่า ถ้าบอกความรู้สึกนั้นไปแล้ว"เขา"อาจจะเปลี่ยนไป
สู้เป็นเพื่อนกันยังดีกว่า เพราะอย่างน้อย"เขา"ก็ยังคงปฏิบัติกับเราเหมือนเดิม
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณพอใจจะเป็นฝ่ายรักเขาอยู่เงียบๆ ข้างเดียว
หรือต้องการให้เขามองกลับมาหาคุณบ้างหรือเปล่า
แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากให้คุณจำไว้นั่นคือ

"เพลงนั้นจะไม่ใช่เพลงจนกว่าคุณจะร้องเพลงนั้นออกไป"
ระฆังก็จะไม่ใช่ระฆังจนกว่าคุณจะตีมันให้ดังกังวานออกมา
ความรักก็เช่นกัน คุณไม่อาจพูดได้ว่า สิ่งที่อยู่ในใจคุณนั้นคือความรัก
จนกว่าคุณจะได้ให้ความรักของคุณแก่ใครสักคนโดยการบอกรักเขา
ถ้าคุณรักเขาแล้ว ถึงจะไม่กล้าบอก

ก็จงแสดงออกมาเถอะว่า "คุณรัก คุณห่วงใย"

อย่าได้เก็บความรักเหล่านั้นไว้ชื่นชมคนเดียวเลย                                                          
                                                                      
                                                                     ขอบคุณข้อมูลจาก
                                                                                                 
                                         http://aimmiwa.diaryclub.com/20060328/50-%B9%D4%C2%D2%C1%A4%C7%D2%C1%C3%D1%A1%B4%D5%E6

รักครั้งแรกแปลกนักหนา??

      รักแรกเป็นความรักที่แปลก
และเป็นความรักที่มักจบลงด้วยน้ำตา
เป็นความทรงจำที่แฝงตัวในกลอนฝากรักแบบเด็กๆ ไร้เดียงสา
เป็นความชื่นใจเพียงแค่ชั่วแวบนึงที่ได้เห็นหน้า
เป็นความเปิ่นที่คุณอาจอมยิ้มเมื่อนึกถึง
รักแรกสอนหัวใจให้รู้จักรักเป็น เจ็บเป็น ช้ำเป็น
หลายคนฝังใจกับรักแรกและไม่สามารถลืมได้


เพราะมันเป็นรักฝังใจไปเสียแล้ว
พิษสงของรักแรกนั้นช่างอ่อนหวานและเจ็บปวด
Benjamin Dirsraeli ถึงกับรำพันว่า


"The magic of first love is our ignorance that it can never end"
(มายาของรักแรกนั้นเห็นจะเป็นความเขลาของเราที่เชื่อว่ารักแรกจะไม่มีวันจบสิ้น)
แต่ไม่ว่ารักแรกของคุณจะลงเอยอย่างไร อย่างน้อยที่สุด
หัวใจของคุณก็ได้เรียนรู้แล้วว่า


การเห็นคนๆหนึ่งสำคัญเท่าตัวเรา
ทำให้เรากลายเป็นคนที่คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
คำเตือน:อย่าฝังตัวเองไว้กับอดีตที่คุณไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้
คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อเจ็บช้ำกับความรักเพียงอย่างเดียว
ความสุขเพราะรักนั้นจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่า


คุณจะไขว่ขว้ามันไว้หรือเปล่า...........!!!?

                                                                 ขอบคุณข้อมูลจาก

                                           http://aimmiwa.diaryclub.com/20060328/50-%B9%D4%C2%D2%C1%A4%C7%D2%C1%C3%D1%A1%B4%D5%E6  

เทดโนโลยี

 
ชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวข้องกับเทดโนโลยีสารสนเทศต่างๆ มากมาย การอยู่รวมกันเป็นสังคมของมนุษย์ทำให้ต้อง
เสียเวลาในการสื่อสารถึงกัน ต้องติดต่อและทำงานหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกันสมองของเราต้องจดจำสิ่งต่างๆ ไว้มากมาย
ต้องจดจำรายชื่อผู้ที่เราเกี่ยวข้องด้วย จดจำข้อมูลต่างๆ ไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในภายหลัง สังคมจึงต้องการความเป็นระบบ
ที่มีรูปแบบชัดเจน เช่น การกำหนดเลขบ้าน ชื่อถนน อำเภอ จังหวัด ทำให้สามารถติดต่อส่งจดหมายถึงกันได้ เลขบ้าน
เป็นสารสนเทศอย่างหนึ่งที่ใช้งานกันอยู่

เพื่อให้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นระบบมากขึ้น จึงมีการจัดการสารสนเทศเหล่านั้นในลักษณะเชิงระบบ
เช่น ระบบทะเบียนราษฎร์ มีการใช้เลขประจำตัวประชาชน ซึ่งมีเลขรหัส 13 ตัว แต่ละตัวจะมีความหมายเพื่อใช้ในการ
ตรวจสอบ เช่น แบ่งตามประเภท ตามถิ่นที่อยู่ การเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลก็ต้องมีการลงทะเบียน การสร้าง
เวชระเบียน ระบบเสียภาษีก็มีการสร้างรหัสประจำตัวผู้เสียภาษี นอกจากนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนการค้า
ทะเบียนโรงงาน ฯลฯ

การใช้สารสนเทศเกี่ยวข้องกับทุกคน การเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศจึงมีความจำเป็น ปัจจุบันเราใช้จ่าย
เงินซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิต เบิกเงินด้วยบัตรเอทีเอ็ม การโอนย้ายช้อมูล ในลักษณะอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับเรามากขึ้น


เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษนี้ ที่ใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลจำนวนมากได้รับ
การบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่นอยู่ในแถบบันทึกไว้ในรูปแบบที่ให้เครื่องจักรอ่านได้ เช่น
อยู่ในแถบบันทึก แผ่นบันทึก แผ่นซีดีรอม ดังจะเห็นเอกสารหรือหนังสือ หรือสารานุกรมบรรจุในแผ่นซีดีรอม หนังสือทั้งตู้อาจเก็บในแผ่นซีดีรอมเพียงแผ่นเดียว

การสื่อสารข้อมูลที่เห็นเด่นชัดขณะนี้ และกำลังมีบทบาทมากอย่างหนึ่งคือ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคือการส่งข้อ
ความถึงกันโดยผ่านคอมพิวเตอร์ กล่าวคือ ผู้ใช้นั่งอยู่หน้าจอภาพ พิมพ์ข้อความเป็นจดหมายหรือเอกสาร พิมพ์เลขที่อยู่
ของไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้รับแล้วส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์ของผู้รับเพื่อค้นหา
จดหมายได้และสามารถตอบโต้กลับได้ทันที
การจัดการข้อมูลด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ทำได้สะดวก ไมโครคอมพิวเตอร์จึงเป็นที่นิยมสำหรับการจัดการข้อมูลใน
ยุคปัจจุบัน ขณะเดียกันไมโครคอมพิวเตอร์ก็มีราคาลดลง และมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น จึงเชื่อแน่ว่าบทบาทของ
การจัดการข้อมูลในชีวิตประจำวันจะเพิ่มมากขึ้นต่อไป
โครงสร้างและรูปแบบของข้อมูลที่ประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นโครงสร้างที่จะต้องมีรูปแบบชัดเจนและแน่นอน การจัดการข้อมูลจึงต้องมีข้อตกลงเฉพาะ เช่นการกำหนดรหัสเพื่อใช้แยกแยะข้อมูล รหัสจึงมีความสำคัญ เพราะ
คอมพิวเตอร์สามารถแยกแยะข้อมูลด้วยรหัสได้ง่าย ลองนึกว่าหากมีข้อมูลจำนวนมากแล้วให้คอมพิวเตอร์ค้นหา โดยค้นหา
ตั้งแต่หน้าแรกเป็นต้นไป การดำเนินการเช่นนี้ กว่าจะค้นพบอาจไม่ทันต่อความต้องการการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูล
จึงต้องมีการกำหนดเลขรหัส เช่น รหัสประจำตัวประชาชน รหัสเลขคนไข้ รหัสทะเบียนรถยนต์ ทะเบียนใบขับขี่ เป็นต้น การจัดการในลักษณะนี้จึงต้องมีการสร้างระบบเพื่อความหมาะสมกับการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นสำคั
ข้อเด่นของการประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ นอกจากในเรื่องความเร็วและความแม่นยำแล้ว ยังเป็นเรื่องของการ
คัดลอกและแจกจ่ายข้อมูลไปยังผู้ใช้ได้สะดวก ข้อมูลที่เก็บในรูปแบบสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์สามารถเปลี่ยนถ่ายระหว่าง
ตัวกลางได้ง่าย เช่น การสำเนาระหว่างแผ่นบันทึกข้อมูลทำสำเร็จได้ในเวลาไม่นาน
ด้วยความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคมในยุคของสารสนเทศ การปรับตัวของสังคมจึงต้องเกิดขึ้น
ประเทศที่เจริญแล้วประชากรส่วนใหญ่จะอยู่กับเครื่องจักรเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารสนเทศ มีเครือข่ายการให้
บริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหลายอย่าง ขณะที่เราอยู่บ้าน อาจใช้โทรทัศน์ติดต่อเข้าระบบเครือข่ายการให้บริการใหม่ เพิ่มขึ้น
มาหลายอย่าง ขณะที่เราอยู่บ้าน อาจใช้โทรทัศน์ติดต่อเข้าระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet) เพื่อขอดูราคาสินค้า
ขอดูข่าวเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา นอกจากนี้ยังมีระบบการ
สั่งซื้อของผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แม่บ้านใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้านต่อเชื่อมผ่านเครือข่ายสายโทรศัพท์
ไปยังห้างสรรพสินค้า เพื่อเปิดดูรายการสินค้าและราคา แม่บ้านสามารถสั่งซื้อได้เมื่อต้องการ
บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมนี้เอง ผลักดันให้เราต้องศึกษาหาความรู้เพื่อปรับตัว
ให้เข้ากับสังคมได้ กระทรวงศึกษาธิการได้เพิ่มเติมหลักสูตรเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เข้าไปในหลักสูตรมัธยมศึกษา
หลายรายวิชา โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนของชาติได้มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีเหล่านี้ หากไม่หาทางปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี
และเรียนรู้ให้เข้าใจ เพื่อให้มีการพัฒนาสังคมไทยได้อย่างเหมาะสม เราจะตกเป็นทาสของเทคโนโลยี เราจะเป็นเพียง
ผู้ใช้ที่ต้องเสียเงินตราให้ต่างประเทศอีกมากมาย          



                                                                                                                                 ขอบคุณข้อมูลจาก 
        
                                                                                         http://web.ku.ac.th/schoolnet/snet1/network/it/




                                                                                   

อิิินเทอร์เน็ต

 
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง 
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)

อินเทอร์เน็ต (Internet) 
คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก 
คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย 
คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย 
คือ เครือข่ายของเครือข่าย
  
 ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้
ด้านการศึกษา 
          - สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ 
          - ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ 
ด้านการบันเทิง 
          - การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป 
          - สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้             
                                                                                                           ขอบคุฌข้อมูลจาก                          
                                                                                                                          http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95