วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ยุค1G   ยุคที่ใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง โดนไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้น สามารถใช้งานทางด้านเสียงได้อย่างเดียวคือสามารถโทรออก-รับสายเท่านั้น ถือเป็นยุคแรกของการพัฒนาระบบโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ โดยใช้วิธีการปรับสัญญาณแอนะล็อกเข้าช่องสื่อสาร ซึ่งแบ่งความถี่ออกเป็นช่องเล็กๆ ด้วยวิธีการนี้จึงมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนช่องสัญญาณและการใช้สัญญาณไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดการติดขัดเรื่องการขยายจำนวนเลขหมายและการขยายแถบความถี่ ซึ่งโทรศัพท์แบบเซลลูลาร์ยังมีขนาดใหญ่ และใช้กำลังไฟฟ้ามากอีกด้วย



                                             


 ยุค2G  เป็นยุคที่เปลี่ยนจากการส่งคลื่นทางวิทยุแบบแอนะล็อกมาเป็นการใช้สัญญาณดิจิทัล โดยส่งผ่านทางคลื่นไมโครเวฟ ทำให้ใช้งานด้านข้อมูลได้นอกเหนือจากเสียงอย่างเดียว โดยสามารถรับส่งข้อมูลต่างๆจนเกิดการกำหนดเส้นทางเชื่อมกับสถานีฐานหรือเรียกว่า เซลไซต์(cell site) และก่อให้เกิดระบบGSM(Global System for Mobile Communication) ซึ่งทำให้สามารถใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวใช้ได้ทั่วโลก  


ยุค3G   ใช้บริการมัลติมีเดีย และส้งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายความเร็วที่สูงขึ้นหรือเร็วกว่าเครือข่ายEDGEที่ใช้ในปัจจุบันเกือบ10เท่าสามารถใช้การสนทนาแบบเห็นหน้า(videotelephony)และประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ(video conference) ช่วยให้สื่อสารได้พร้อมทั้งภาพและเสียงและสามารถใช้บริการข้ามเครือข่าย(roaming)ได้เช่นเดียวกับระบบGSM


  

ยุค4G     เป็นเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงชนิดพิเศษ หรือเป็นเส้นทางด่วนสำหรับข้อมูลที่ไม่ต้องอาศัยการลากสายเคเบิล โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional)  ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง  โดยมีบริการมัลติมีเดียในลักษณะที่โต้ตอบได้เช่น อินเตอร์เน็ตไร้สาย เป็นต้น




        


                                               ขอบคุณข้อมูลจาก -หนังสือเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 
                                                                               
                                                                                 -search?q=โฟน4s&hl=th&prmd=imvns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=haXVT-GUHoOJrAfQzpH9Dw&ved=0CF4QsAQ&biw=1366&bih=631     









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น